service
• บริการของเรา •
หมวด | ปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย
Filler เติมเต็มร่องแก้ม คาง ใต้ตาอย่างเป็นธรรมชาติ
FILLER (ฟิลเลอร์) คือ
สารที่ใช้ฉีดเพื่อเติม หรือเสริม ในชั้นผิวหนังหรือใต้จากผิวหนัง
เพื่อช่วยลด แก้ไข หรือลบเลือนปัญหาบางประการของผิวหนัง เช่น รอยย่นจากวัย รอยย่นทีเกิดจากแสงแดด แผลเป็นชนิดหลุม หรือเสริมในบริเวณที่ขาดเช่น ร่องแก้ม ริมฝีปาก คาง และจมูก ขมับบุ่ม แก้มตอบ เป็นต้น
สารสังเคราะห์ที่นำมาใช้เป็นสารเติมเต็ม
สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1
สารสังเคราะห์สลายหมด (Temporary Filler)
ข้อดี คือ เป็นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบสารในร่างกายตัวสารสลายหมดไม่เหลือเป็นสิ่งแปลกปลอมตกค้าง ข้อจํากัด คือ ไม่ได้ผลถาวร
• Collagen คอลลาเจน เป็นสารธรรมชาติที่สกัดจากคอลลาเจนของวัว หลังฉีดอยู่ได้ประมาณ 6-24 เดือน
ข้อด้อย ของคอลลาเจน คือ ราคาแพงและมีโอกาสแพ้ประมาณ 3–5 % ดังนั้นจึงต้องทำการทดสอบก่อนการฉีดยา
• Hyaluronic acid หรือ Hyaluran เป็นสารธรรมชาติที่สกัดจนได้สารที่เหมือนสารในร่างกายมนุษย์
กลุ่มที่ 2
สารสังเคราะห์อยู่นานขึ้นก่อนสลาย (Semi-Permanent Filler)
มีความปลอดภัยปานกลางตามหลักการถือว่าตัวสารจะสลายได้หมด แต่อยู่นานกว่ากลุ่มแรก ได้แก่ Articoll, Dermalive, Bioplast, Aquamid, Amazing gel, Radiance ซึ่งในกลุ่มนี้บางตัวก็ยังไม่ได้รับอนุญาติจาก อย. ของไทยในการนำมาใช้
กลุ่มที่ 3
สารสังเคราะห์ไม่สลาย (Permanent Filler)
เช่น ซิลิโคน หรือ พาราฟิน, น้ำมันพืช น้ำมันใส่ผม ถือเป็นสารแปลกปลอม เมื่อฉีดเข้าร่างกายแล้วมีอายุการใช้งานประมาณ 8 เดือน – 1 ปี
โดยที่หลังจาก 1 ปี สารพวกนี้จะไหลไปที่ต่างๆ ตามแรงโน้มถ่วงของโลกซึ่งยากต่อการแก้ไข ซึ่งสารในกลุ่มนี้ยังไม่เป็นที่รับรองของ อย. ในไทย และตามหลักการถือเป็นข้อห้ามในการฉีดเข้าในร่างกายของมนุษย์
ในประเทศไทยได้จัดประเภทของสารเติมเต็มไว้เป็นยา
การนำเข้าต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับสำนักยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตัวอย่างของสารเติมเต็มที่ผ่าน อย.
หลังจากที่อ่านมาแล้ว เพื่อน ๆ น่าจะเห็นว่า filler (ฟิลเลอร์) นั้นมีถึง 3 กลุ่ม ซึ่ง อย. เมืองไทยนั้นอนุญาติให้ใช้เพียงกลุ่มแรกกลุ่มเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ “Hyaluronic acid” ซึ่งปลอดภัยและสลายได้ ตามเวลาของ filler แต่ละตัวค่ะ
แต่ 2 ตัวหลังนั้น ยังไม่ได้รับ อย. เนื่องจากงานวิจัยความปลอดภัยยังไม่มีและมีผลข้างเคียงค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะกลุ่มที่ 3 คือ ไม่สลายเลย
จะมีการเปลี่ยนรูปทำให้หน้าย้อยย้วยจากที่เราเจอในข่าวบ่อยๆ แต่ลูกค้ามักเข้าใจว่ามันเป็น filler จริงๆ
มันคือ ซิลิโคน โดนหลอกบ่อย ๆ ต้องระวังมาก ๆ ในการเลือกสถานพยาบาลและตัวยา นะคะ
ในการฉีดฟิลเลอร์แต่ละครั้งนั้นควรขอดูตัวยา
และเลือกยาที่ผ่าน อย. ไทยเท่านั้น
ดูได้จากกล่องมีภาษาไทยการนำเข้าถูกต้อง (แต่ก็ต้องระวังเรื่องสอดไส้นิดนึงค่ะ ลูกค้าก็เจอเยอะ) เพราะหากมีปัญหาเราสามารถติดต่อกับบริษัทในไทยโดยตรงได้ง่าย
และอย่าลืมว่าต้องปรึกษาแพทย์และทำสถานพยาบาลถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองทุกอย่างมีประโยชน์และโทษ
แต่หากเราเลือกใช้และทำตามข้อปฏิบัติโดยเคร่งครัดเพราะป้องกันผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
หวังว่าทุกคนคงมีความเข้าใจ filler มากขึ้น และพอจะตัดสินใจในการทำได้นะคะ หากมีข้อสอบถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ Charmer Clinic ได้ค่ะ
7 filler (ฟิลเลอร์) ยี่ห้อที่ผ่านอย.ไทย
ต้องบอกว่าปัจจุบันมี Filler ฟิลเลอร์ หลากหลายยี่ห้อและหลายรุ่นที่มาให้เลือกใช้กันในราคาที่ประหยัดถูกลงกว่าเมื่อก่อนเยอะมากแต่ก็อย่าลืมตรวจสอบว่า ยี่ห้อที่ผ่าน อย. ในเมืองไทยนั้น มีอะไรบ้าง
ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ในไทย
1. juvederm filler (ฟิลเลอร์) นำเข้าจากอเมริกา แบรนด์นี้บอกเลยว่าการันตีคุณภาพมายาวนานและหลายคนรู้จัก allergan นั่นเอง ซึ่งในตัวของฟิลเลอร์ของ juvederm filler (จูวีเดิร์มฟิลเลอร์) นั้นก็มีหลากหลายรุ่นให้เราเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละส่วน
• voluma filler (โวลูม่า ฟิลเลอร์) เน้นใช้กับ คาง, ขมับตอบ, หรือการฉีดลิฟติ้งยกใบหน้าก็ยังดีอีกด้วย
• vobella filler (โวเบลล่า ฟิลเลอร์)ตัวน้องใหม่ที่เข้ามาไม่นานนัก ที่ทำมาเพื่อใช้สำหรับ ฉีดปากอิ่มน้ำ แบบแองเจลีน่าโจลี่ เรียกว่าได้รับความนิยมอย่างมากเลยทีเดียวในปัจจุบัน หรือสามารถใช้ฉีดใต้ตาก็ดูธรรมชาติสวยเลยทีเดียว
• volift filler (โวลิฟ ฟิลเลอร์)ตัวนี้ก็น้องใหม่เหมือนกัน ใช้เหมาะมากสำหรับการฉีดลิฟติ้งหน้าได้สวยงามและธรรมชาติมาก ๆ ultra-filler สามารถที่จะใช้ฉีด ร่องแก้ม ใต้ตา ได้ดีทีเดียว ultraplus สามารถฉีด ร่องแก้ม คาง ขมับ
2. beletelofiller หรือ colourful filler จากสวิสเซอร์แลนด์ น้องใหม่ที่แม้จะเข้ามาไม่นาน แต่ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะราคาไม่แพง จับต้องได้
3. Restylane filler เรสทิเลนฟิลเลอร์ เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ และถือว่าเป็นแบรนด์แรกๆที่เข้ามามีความธรรมชาติสูง
เรสทิเลน ไวทอลไลท์ ฟิลเลอร์ ของแท้
4. Perfecta filler new generation จากฝรั่งเศสผ่านการตรวจรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ไทย และต่างประเทศ
• Perfectha Subskin กล่องสีเหลือง จุดที่ฉีดฟิวเลอร์: ใต้ผิวหนัง เติมริ้วรอยตื้นทั่วใบหน้า เช่น แก้ม บริเวณใต้ปากเหี่ยว ใช้เป็นทรีทเม้นเติมริ้วรอยเหี่ยวย่นรอยพับ และผิวส้ม รอบใบหน้าให้เต่งตึง
• Perfectha Deep กล่องสีชมพู จุดที่ฉีดฟิวเลอร์: ผิวหนังชั้นลึก ใช้แก้ไข ริ้วรอยลึก ร่องแก้ม เติมคางวีเชฟ เติมเนื้อแก้ม ยกมุมปากตก เติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม รวมถึงร่องลึกอื่นบนใบหน้า
• Perfectha Complement กล่องสีม่วง จุดการวางฟิวเลอร์ : ผิวหนังตื้น ตำแหน่งที่เหมาะ : การเติมริ้วรอยตื้น ๆ เช่น ใต้ตา
5. E.p.t.q Fillerจากเกาหลี ตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งผ่านอยไทยมาล่าสุด แต่ในต่างประเทศไม่ใหม่เลย เพราะใช้มาแล้วกว่า 45 ประเทศ จุดเด่นของฟิลเลอร์ E.P.T.Q Filler ตัวนี้มีถึง 3 รุ่นให้เลือกผ่านอย ซึ่งแต่ละตัวมีความเหมาะสมแต่ละจุดที่แตกต่างกัน อ่านต่อที่นี่ คลิก และที่สำคัญมียาชามาในตัวไม่ต้องกลัวเจ็บ ปริมาณจุใจ 1.1 cC และราคาก็น่ารักเบาๆ เหมาะกับสาวคนไหนที่อยากเซฟงบ ปลอดภัยด้วยค้า
6. Yvoire fillerฟิลเลอร์น้องใหม่จากเกาหลี พรีเมี่ยม ยอดขายดีอันดับหนึ่งจากเกาหลี มีมาให้เลือกถึง 3 รุ่นด้วยกัน ตามปัญหาของแต่คน ซึ่งต้องบอกว่าฉีดแล้วเนียนสวย ธรรมชาติเหมาะกับสาวเอเชียมาก
7.Flore Filler (ฟลอเร่ ฟิลเลอร์) เป็นฟิลเลอร์พรีเมียมแบรนด์ดังจากประเทศเกาหลี ผ่านอยเกาหลีประเทศไทยเรียบร้อย เป็นฟิลเลอร์ขึ้นรูปได้ดี มีความละมุน ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน เพราะมีเทคโนโลยีในการผลิตที่สามารถรวมเอาคุณสมบัติเด่นของทั้ง Biphasic และ Monophasic เข้าไว้ด้วยกัน
Q&A คำถามที่พบบ่อย
Q
ฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดีสุดคะ ?
A
ต้องตอบก่อนว่าในความคิดเห็นส่วนตัว ไม่มีอันไหนดีที่สุด แต่ต้องเลือกยี่ห้อที่ฉีดแล้วเหมาะสมกับปัญหาเรามากที่สุดและเลือกที่ได้มาตฐานผ่านอยไทยด้วยนะคะ เพื่อความปลอดภัย ( ต้องการอ่าน ฟิลเลอร์ผ่านอยไทย ปี 2020 ยี่ห้อไหนดี คลิก)
Q
ฟิลเลอร์ (filler)คาง หรือ เสริมคาง อันไหนดีกว่ากัน ?
A
ต้องตอบก่อนว่าในความคิดเห็นส่วนตัว ไม่มีอันไหนดีที่สุด ซึ่งทั้ง 2 แบบ มีข้อดีข้อเสียต่างกัน อยากให้สาว ๆ ลองดูแล้วตัดสินใจเอาเองนะคะ
ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คาง
ข้อดี คือ ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น แทบไม่มีรอยใด ๆ ให้เห็นเลย มีความธรรมชาติ เหมือนคางเราจริง ๆ สามารถบิดได้ไม่เสียทรง สวยได้รวดเร็ว มีคางแบบใน 30 นาที โดยไม่ต้องรอ
เป็นเติมแต่งความสวยที่ง่ายมาก ๆ
ข้อเสีย คือ ราคาของฟิลเลอร์แท้นั้นค่อนข้างราคาสูง และอาจจะใช้ปริมาณที่เยอะ และมีเวลาอยู่จำกัด 8-16 เดือนแล้วแต่ชนิดและยี่ห้อของฟิลเลอร์ ทำให้เราอาจจะต้องเสียเงินบ่อย ๆ นั่นเอง
Q
ฉีดฟิลเลอร์ (filler)ใต้ตาแล้วจะเป็นก้อนไหม ?
A
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนนั้น เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เทคนิคการฉีดผิดชั้นของแพทย์ หรืออาจจะเกิดจากการเลือกฟิลเลอร์ไม่หมาะสมกับใต้ตา หรืออาจจะเพราะฉีดปริมาณฟิลเลอร์เยอะเกินไป ดังนั้นต้องดูว่าเกิดจากปัญหาอะไร
Q
ฉีด (filler)ฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใช้กี่ CC ?
A
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC นั้นขึ้นอยู่กับปัญหาของลูกค้าแต่ละคน ซึ่งปัญหาจากการที่ใ้ต้ตาลึกนััน อาจจะเกิดจากปัญหาจากผิวด้านบนขาดคอลลาเจน หรือจากปัญหากระดูกทรุด ซึ่งกระดูกคนเราจะทรุดทำให้ใต้ตาลึก จึงใช้ปริมาณ cc ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละคน แต่การประเมินเบื้องต้น ประมาณ 1 – 3 cc ต่อคนค่ะ
10 คำถาม เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คลิกที่นี่
PROMOTION FILLER
บริการอื่น ๆ